การเปลี่ยนแปลงของ SEO ในปี 2025
ในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำ SEO (Search Engine Optimization) ก็ต้องปรับตัวตามไปด้วย อัลกอริทึมของ Google มีการอัปเดตอยู่เสมอเพื่อมอบประสบการณ์การค้นหาที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ ในปี 2025 นี้ มีเทรนด์และกลยุทธ์ SEO ใหม่ๆ ที่นักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์ควรให้ความสำคัญ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเทรนด์ SEO ล่าสุดและวิธีการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้นๆ ในผลการค้นหา
1. AI-Powered SEO
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงวงการ SEO อย่างมาก Google ใช้ AI ในการประมวลผลการค้นหาและจัดอันดับเว็บไซต์มากขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2025 เราจะเห็นการใช้ AI ในงาน SEO มากขึ้นในหลายด้าน:
- การวิเคราะห์ข้อมูล - AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อค้นหาโอกาสทาง SEO
- การสร้างเนื้อหา - เครื่องมือ AI ช่วยสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้และเป็นมิตรกับ SEO
- การทำ Keyword Research - AI ช่วยค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีศักยภาพและเข้าใจความตั้งใจในการค้นหา (Search Intent)
"ในยุค AI-Powered SEO ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่การใส่คีย์เวิร์ดให้มากที่สุด แต่อยู่ที่การสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้อย่างแท้จริง"
2. E-E-A-T: Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness
Google ให้ความสำคัญกับหลักการ E-E-A-T มากขึ้นในการจัดอันดับเว็บไซต์ โดยเพิ่ม "Experience" (ประสบการณ์) เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญ:
- Experience (ประสบการณ์) - แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนมีประสบการณ์จริงในหัวข้อนั้นๆ
- Expertise (ความเชี่ยวชาญ) - แสดงความรู้และความเชี่ยวชาญในเนื้อหา
- Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือ) - สร้างความน่าเชื่อถือผ่านการอ้างอิงและการได้รับการยอมรับจากแหล่งอื่น
- Trustworthiness (ความไว้วางใจ) - สร้างความไว้วางใจผ่านข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์
วิธีการเพิ่ม E-E-A-T ให้กับเว็บไซต์:
- แสดงข้อมูลผู้เขียนที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
- อ้างอิงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
- อัปเดตเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- แสดงความโปร่งใสในนโยบายความเป็นส่วนตัวและข้อกำหนดการใช้งาน

3. Core Web Vitals และ Page Experience
Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ Core Web Vitals เป็นชุดตัวชี้วัดที่ Google ใช้วัดประสบการณ์ผู้ใช้บนเว็บไซต์ ในปี 2025 Core Web Vitals จะมีความสำคัญมากขึ้นในการจัดอันดับเว็บไซต์:
- Largest Contentful Paint (LCP) - วัดความเร็วในการโหลดเนื้อหาหลัก ควรน้อยกว่า 2.5 วินาที
- First Input Delay (FID) - วัดความเร็วในการตอบสนองต่อการกระทำของผู้ใช้ ควรน้อยกว่า 100 มิลลิวินาที
- Cumulative Layout Shift (CLS) - วัดความเสถียรของเว็บไซต์ ควรน้อยกว่า 0.1
- Interaction to Next Paint (INP) - ตัวชี้วัดใหม่ที่วัดความเร็วในการตอบสนองต่อการโต้ตอบของผู้ใช้
4. Voice Search Optimization
การค้นหาด้วยเสียงกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยความนิยมของอุปกรณ์อัจฉริยะอย่าง Google Home, Amazon Echo และ Apple HomePod การทำ SEO สำหรับการค้นหาด้วยเสียงจึงมีความสำคัญมากขึ้น:
- ใช้คำถามธรรมชาติในเนื้อหา (เช่น "SEO คืออะไร?" "วิธีทำ SEO ให้ได้ผล")
- เน้นคีย์เวิร์ดแบบ Long-tail ที่มีลักษณะเป็นประโยคสนทนา
- ตอบคำถามอย่างชัดเจนและกระชับ
- ใช้ Schema Markup เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีขึ้น
5. Video SEO
วิดีโอกำลังเป็นรูปแบบเนื้อหาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด Google มักแสดงวิดีโอในผลการค้นหาหน้าแรก การทำ Video SEO จึงเป็นโอกาสสำคัญ:
- สร้างวิดีโอที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้
- ใช้คีย์เวิร์ดในชื่อวิดีโอ คำอธิบาย และแท็ก
- เพิ่ม Transcript และคำบรรยาย (Captions) ให้กับวิดีโอ
- สร้าง Thumbnail ที่ดึงดูดความสนใจ
- ใช้ Schema Markup สำหรับวิดีโอ
6. Local SEO
การทำ Local SEO มีความสำคัญมากขึ้นสำหรับธุรกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะในยุคที่การค้นหาแบบ "Near Me" เติบโตอย่างต่อเนื่อง:
- ลงทะเบียนและอัปเดตข้อมูลใน Google Business Profile
- รวบรวมรีวิวจากลูกค้าและตอบกลับอย่างสม่ำเสมอ
- ใช้คีย์เวิร์ดท้องถิ่นในเนื้อหา
- สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น
- ใช้ Local Schema Markup
ต้องการปรับปรุง SEO ให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้นๆ?
ทีมงานของเรามีประสบการณ์ในการทำ SEO มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้นๆ ในผลการค้นหา